โพสต์เมื่อ: 20 มี.ค 2564 เวลา 14:48:20 น. อ่าน: 607 ครั้ง
คำสองคำที่มักปรากฏขึ้นในการเทรดก็คือ หลักทรัพย์ (Stock) และ หุ้น (Share) นักวิเคราะห์บางรายใช้แทนกัน ในขณะที่เทรดเดอร์บางรายดูเหมือนจะชอบคำหนึ่งมากกว่าอีกคำ
ศัพท์แสงที่ทำให้สับสนเช่นนี้เป็นผลมาจากการผูกขาดทางการตลาดมานานหลายทศวรรษ แม้ว่าเทคโนโลยีจะพยายามเปิดประตูสู่ตลาดหลักทรัพย์ แต่อุปสรรคทางภาษายังคงขัดขวางผู้มาใหม่ไม่ให้เข้าร่วมด้วยได้อย่างเต็มที่
หลักทรัพย์และหุ้นสามารถใช้แทนกันได้ แต่มีความแตกต่างกันชัดเจนอย่างหนึ่ง หลักทรัพย์ (Stock) เป็นคำทั่วไปสำหรับใบรับรองความเป็นเจ้าของโดยรวม ในขณะที่คำว่า หุ้น (Share) นั้นถูกใช้เพื่อระบุใบรับรองความเป็นเจ้าของสำหรับบริษัทหนึ่ง ๆ โดยเฉพาะ
ตัวอย่างเช่น:Billy owns 200 stocks - บิลลี่เป็นเจ้าของหลักทรัพย์ 200 หลักทรัพย์ และถ้าจะเจาะจงก็คือ he has 100 shares in Apple and 100 shares in Microsoft. -เขามีหุ้น 100 หุ้นใน Apple และ 100 หุ้นใน Microsoft
เมื่อกระจ่างแล้ว ตอนนี้ก็ได้เวลาที่จะทำความเข้าใจในความหมายของการเป็นเจ้าของหลักทรัพย์ มีสองเหตุผลหลักในการซื้อหลักทรัพย์ อย่างแรกเรียกกันว่า การลงทุน การซื้อหุ้นในบริษัทหนึ่งเพื่อการลงทุนก็หมายความว่าคุณต้องการเห็นบริษัทเติบโตและประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นวิธีการอัดฉีดเงินทุนให้บริษัทด้วยความหวังว่าบริษัทจะพัฒนาและขยายตัว ซึ่งจะเป็นการเพิ่มมูลค่าหุ้นของคุณตามลำดับ
การลงทุนบังคับให้เทรดเดอร์ต้องถือหุ้นเอาไว้เป็นเวลานาน ซึ่งหมายความว่าวิธีนี้ไม่เหมาะสำหรับทุกคน คนที่อยากได้กำไรเร็ว จะซื้อหลักทรัพย์เพื่อเก็งกำไร การเก็งกำไรก็ตามชื่อเลย คือเทรดเดอร์คาดการณ์ว่าหลักทรัพย์นั้น ๆ จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นหรือไม่และทำการซื้อโดยอิงจากการเก็งกำไรดังกล่าว นักเก็งกำไรจะขายหุ้นของตัวเองเมื่อราคาเพิ่มขึ้น โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับบริษัท
เอกสิทธิ์ของการเป็นผู้ถือหุ้น
หุ้นมีวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากการซื้อขายเพื่อผลกำไร การเป็นเจ้าของหุ้นในบริษัทหนึ่งจะทำให้คุณมีตำแหน่งเป็นผู้ถือหุ้น และตำแหน่งนี้มาพร้อมกับเอกสิทธิ์และความเสี่ยงในตัว เอกสิทธิ์และความเสี่ยงของการเป็นผู้ถือหุ้นขึ้นอยู่กับประเภทของหลักทรัพย์ที่คุณซื้อ
เมื่อเทรดเดอร์พูดถึงหลักทรัพย์ ก็มักจะหมายถึงหุ้นสามัญ (Common Stock) เนื่องจากเป็นหลักทรัพย์ประเภทที่ซื้อขายกันบ่อยที่สุด การเป็นเจ้าของหุ้นสามัญมักจะให้อำนาจแก่ผู้ถือหุ้นในการออกเสียงลงคะแนนในการเลือกตั้งสมาชิกคณะกรรมการ ซึ่งให้พวกเขาสามารถควบคุมบริษัทได้ระดับหนึ่ง
นอกเหนือจากสิทธิ์ในการออกเสียง หุ้นสามัญบางตัวยังให้ผลกำไรส่วนหนึ่งของบริษัทแก่ผู้ถือหุ้นด้วย ผลตอบแทนการลงทุนนี้เรียกว่า อัตราปันผลตอบแทน (Dividend Yield) อัตราปันผลตอบแทนของหุ้นสามัญนี้จะขึ้นลงตามแต่ผลกำไรของบริษัท ทำให้หลักทรัพย์ประเภทนี้ค่อนข้างเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถือหุ้นในบริษัทที่ไม่มีบันทึกผลประกอบการที่ได้รับการจัดทำอย่างถูกต้อง
แม้หุ้นสามัญจะมีอัตราปันผลตอบแทนสูง แต่ผู้ถือหุ้นสามัญก็ต้องยอมทนกับข้อเสียของการมีความสำคัญอยู่ในลำดับต่ำสุดหากบริษัทล้มละลาย ในกรณีที่มีการล้มละลาย บริษัทจะจ่ายให้เจ้าหนี้ ผู้ถือหุ้นกู้ และผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ ก่อนที่จะคืนเงินลงทุนของผู้ถือหุ้นสามัญ แต่เนื่องจากบริษัทที่ล้มละลายไม่ได้มีสินทรัพย์อะไรมากมายตั้งแต่แรก ผู้ถือหุ้นสามัญจึงมักไม่ได้รับอะไรเลย
หลักทรัพย์ประเภทที่สองเรียกว่า หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) โดยทั่วไปแล้วหลักทรัพย์ประเภทนี้จะไม่ให้สิทธิ์ในการออกเสียงและอัตราปันผลตอบแทนจะคงที่ ไม่เหมือนกับหุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิจะผันผวนน้อยกว่า ซึ่งหมายความว่าหุ้นประเภทนี้มีความเสี่ยงน้อยกว่าโดยแลกกับการสามารถทำกำไรได้น้อยกว่า ตามที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ในกรณีที่บริษัทล้มละลายและมีการชำระบัญชีตามมา ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับเงินลงทุนคืนก่อน
การเป็นผู้ถือหุ้น
เมื่อคิดถึงเรื่องเอกสิทธิ์ของการเป็นเจ้าของหลักทรัพย์ ก็อาจทำให้อยากกระโดดลงไปร่วมด้วยในทันที
อย่างไรก็ตาม มีตัวแปรมากมายที่ต้องพิจารณา รวมถึงข้อมูลมากมายก่ายกองที่ต้องดูอย่างละเอียด แล้วแถม กติกาก็เปลี่ยนไปเรื่อยและอุตสาหกรรมที่เคยทำกำไรได้ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาตอนนี้ก็เจ๊งไปแล้ว ในขณะที่เทคโนโลยีที่ถูกมองว่าเป็นนิยายวิทยาศาสตร์เมื่อสิบปีก่อน ตอนนี้กลับอยู่ที่จุดสูงสุดของตลาด
แม้เทรดเดอร์บางรายเลือกที่จะทดสอบความสามารถนี้ แต่ที่จริงมันไม่ใช่ประสบการณ์ที่จำเป็นเลย มีเหตุผลที่ทำไมจึงมีโบรกเกอร์อยู่และพวกเขาสามารถช่วยลดความยุ่งยากในการมาเป็นผู้ถือหุ้นได้อย่างมาก การหาโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้นับเป็นการเดินเปิดที่ชาญฉลาดสำหรับเทรดเดอร์รุ่นใหม่ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนเส้นทางความรับผิดชอบทั้งหมดไปยังบริษัทโบรกเกอร์ที่คุณเลือกก็สามารถตัดอนาคตของคุณในการเป็นผู้ถือหุ้นได้
ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับสองสามประการที่จะช่วยลดความวิตกกังวลในการซื้อครั้งแรก ๆ ของคุณลง:
- 1. หลีกเลี่ยงหลักทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงในขณะที่คุณเรียนรู้เทคนิคการเทรด เพราะยังได้กำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ และการเสียใจที่ไม่ได้กระโดดไปเล่นหุ้นที่พุ่งสูงขึ้นก็ยังดีกว่าที่ต้องมาจบอาชีพของคุณก่อนที่จะได้เริ่ม
-
- 2. กระจายพอร์ตการลงทุนของคุณ แม้แต่บริษัทที่มีเสถียรภาพมากที่สุดก็เจ๊งได้ในพริบตาหากพายุที่สมบูรณ์แบบก่อตัวขึ้น เพื่อลดความเสี่ยง ให้กระจายการลงทุนของคุณและซื้อหลักทรัพย์ให้หลากหลายแทนที่จะลงทั้งหมดไปในบริษัทเดียว
-
- 3. ทำการตรวจสอบสถานะของคุณแม้ว่าคุณจะได้รับความช่วยเหลือจากบริษัทโบรกเกอร์ ตลาดหลักทรัพย์นั้นเป็นสุสานของบริษัทที่ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความต้องการและความปรารถนาของสังคมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้ คอยติดตามข่าวสารล่าสุดอยู่เสมอและตื่นตัวอยู่ตลอด